
รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจเยี่ยมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านหนองไทร หนุนยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
วันที่ 18 ธ.ค. 68 นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาชุมชนตามแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านหนองไทร หมู่ที่ 1 ตำบลหนองไทร อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โอกาสนี้ นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นายสามารถ สุวรรณมณี รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวิสูตร อินทรกำเนิด นายอำเภอพุนพิน หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พบปะพูดคุยกับประชาชน และเยี่ยมชมกิจกรรมรวมถึงฐานการเรียนรู้ของชุมชน อาทิ สวนผสมผสานของสวนนายดำ การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรในพื้นที่ เช่น ผักไฮโดรโปนิกส์ สลัดโรล ปลาส้ม ไข่เค็มสมุนไพร กล้วยฉาบ รวมถึงกิจกรรมให้อาหารปลา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
นางสาวศศิธร กิตติธรกุล เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทินชาญวีรกูล ให้มาติดตามและดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยขอชื่นชมความสำเร็จของหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงบ้านหนองไซ ที่มีความเข้มแข็งจนสามารถคว้ารางวัลระดับจังหวัดมาครองได้สำเร็จ ซึ่งจุดที่น่าประทับใจอย่างยิ่งคือโครงการ "ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน" ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ชาวบ้านร่วมใจกันปลูกพืชผักสวนครัวในพื้นที่สาธารณะ ตามเส้นทางถนนในหมู่บ้าน มีการบริหารจัดการจนมีเงินเหลือเป็นกองกลางสำหรับพัฒนาหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ยอดเยี่ยมและควรขยายผลไปยังพื้นที่อื่น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้หยิบยกประเด็นจากเวทีระดับนานาชาติ โดยระบุว่าในการประชุมระดับอาเซียนที่ผ่านมา นานาชาติต่างให้ความสนใจและชื่นชมโมเดลการพัฒนาชุมชนของประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่อง OTOP และ โคก หนอง นา ซึ่งถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและแก้ปัญหาความยากจนในชนบทได้อย่างยั่งยืน
“เราต้องการเห็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน เพื่อผลักดันให้เกิดศูนย์เรียนรู้และวิสาหกิจชุมชนที่เข้มแข็ง รวมถึงการใช้กลไกจาก กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี มาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างโอกาสและอาชีพให้คนในพื้นที่” นางสาวศศิธร กล่าว
ในช่วงท้าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้แสดงความห่วงใยถึงเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยเน้นย้ำให้จังหวัดและท้องถิ่นเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเตรียมความพร้อมป้องกันน้ำท่วมและการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อภาคการเกษตร เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความมั่นคงในอาชีพท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ